เช็คอินเชียงใหม่ได้รับเชิญไปร่วมชมภาพยนตร์เรื่อง “พรจากฟ้า” ที่ SF ศูนย์การค้าเมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่บริษัท GDH สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นำบทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาใช้เป็นหัวใจในการดำเนินเรื่อง
ผมจะพยายามสปอยให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้คุณผู้อ่านเสียอรรถรสเมื่อไปชมในโรงหนัง เรื่องนี้แบ่งเป็น 3 พาร์ตหลักๆ ซึ่งในแต่ละพาร์ตจะมีเพลงและอารมณ์หลักแตกต่างกันทั้งหมด
เริ่มจากพาร์ตแรกเป็นเรื่องราวแบบหวานๆ ใสๆ สไตล์วัยรุ่น ระหว่างบีม (พระเอก) และแป้ง (นางเอก) ที่ถูกจับคู่ให้มาเป็นตัวแสดงแทนท่านทูต และภริยา เพื่อซ้อมคิวงานมอบทุนการศึกษา บีมจึงโชว์สกิลรุปจีบแบบขั้นเทพเรียกพี่ แต่แป้งก็ไม่น้อยหน้าหลบหลีกสกิลต่างๆ ทำเอาบีมหงอยไม่เป็นท่า ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นความรักในที่สุด
พาร์ตนี้มีเพลงพระราชนิพนธ์ “ยามเย็น” เป็นเพลงเดินเรื่อง ต้องชมผู้เรียบเรียงเสียงประสานว่าทำได้ดีมากๆ เป็นการร้องเพลง “ยามเย็น” แบบคอรัสเสียงประสานได้เพราะมากๆ และนักแสดงก็เข้าถึงอารมณ์ได้ดีจนเราสัมผัสถึงความเศร้าของการจากลากัน
พาร์ตที่สอง บอกได้เลยว่า “น้ำตาท่วมโรง” เป็นเรื่องราวของฟา (นางเอก) ที่เสียแม่และต้องออกจากงานเพื่อมาดูแลพ่อที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ โดยที่พ่อยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า “ภรรยาเสียชีวิตไปแล้ว” เกริ่นแค่นี้ก็ดราม่าแล้วใช่ใหมครับ
พาร์ตนี้ดำเนินเรื่องด้วยเพลง Still on My Mine ครับ ซึ่งมีประโยคเด็ดที่ผมสรุปให้ก็คือ “ความสุขไม่จำเป็นที่เราจะต้องเป็นผู้ได้เสมอ หากแต่เป็นการทำให้ผู้อื่นมีความสุขก็พอแล้ว”
พาร์ตสุดท้าย เป็นเรื่องราวของ หลง (ชื่อของพระเอก) ซึ่งเป็นร็อคเกอร์หนุ่มเล่นดนตรีมาตลอด 10 ปี แต่ไม่ดัง จึงตัดสินใจมาเป็นพนักงานออฟฟิศ แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นเรื่องของดนตรีเมื่อพบว่าพนักงานในออฟฟิศทุกคนต่างก็ซุ่มซ้อมดนตรีกันแบบลับๆ และสุดท้ายทุกคนก็เอาชนะใจของประธานบริษัทจนยอมสร้างห้องซ้อมดนตรีในออฟฟิศ และ ส่งท้ายภาพยนตร์เรื่องนี้กันด้วยเพลง “พรปีใหม่”
ผมดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วอิ่มเอมไปด้วยความหวังและกำลังใจครับ ดนตรีเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ว่าที่ใดเวลาใด ก็สามารถจะมีความสุขกับดนตรีได้
ทั้ง 3 บทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่นำมาประกอบในภาพยนตร์เรื่องนี้ เต็มไปด้วยความความอบอุ่นและกำลังใจอย่างคาดไม่ถึง หลายคนที่ไปชมคงรู้สึกเช่นเดียวกับผมครับ เพราะออกจากโรงต่างก็เล่าถึงความประทับใจให้ฟังกัน
เคล็ดลับความสุขจากภาพยนตร์เรื่องนี้คือ “ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก” และอย่าคิดว่าเราเองจะเป็นผู้ได้รับความสุขนั้น เพราะความสุขที่แท้จริง คือการที่เราสามารถทำให้ผู้อื่นมีความสุขต่างหาก
ทั้งนี้บริษัทเอสเอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยังมอบราคาพิเศษให้นักเรียน นักศึกษาในราคาพิเศษดังนี้คือ ระดับอนุบาลและประถมศึกษา 60 บาท/ที่นั่ง และ ระดับมัธยมศึกษา 70 บาท/ที่นั่ง โดยรายได้ส่วนหนึ่งมอบสมทบมูลนิธิชัยพัฒนาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
[ นิ้วเทพ ]
(2855)